Slide

13 ธันวาคม 2565

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบรรยายพิเศษ เรื่อง 42 ปี โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน สร้างความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ในงานประชุมวิชาการการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริ ประจำปี 2565 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี 

วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.00 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงร่วมการประชุมวิชาการการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2565 “42 ปี พระบารมีแผ่ไพศาล เด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดารเป็นสุข” ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมทั้งที่ปรึกษางานโครงการตามพระราชดำริฯ หัวหน้าส่วนราชการ และข้าราชการ เฝ้าฯ รับเสด็จ

โอกาสนี้พระราชทานเกียรติบัตรแก่พระภิกษุ และคณะครู ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดแข่งขันแนวปฏิบัติที่ดี ทั้ง 6 ด้าน จำนวน 39 ราย พร้อมทั้งพระราชทานโล่รางวัลสถานศึกษาดีเด่น แก่ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 18 ราย จากนั้นทรงบรรยายพิเศษเรื่อง “42 ปี โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน สร้างความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” โดยทรงเริ่มงานโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน มาตั้งแต่ปี 2523 มีพระราชประสงค์เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีภาวะโภชนาการที่ดีและมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง เริ่มแรกทรงทดลองทำในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน 3 โรงเรียน และต่อมาได้ขยายผลในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศ  ปัจจุบันดำเนินการโครงการในสถานศึกษาโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนทั้ง 7 สังกัด รวม 890 แห่ง โดยฝึกให้นักเรียนลงมือปฏิบัติทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการทำการเกษตรแบบยั่งยืน ทั้งการปลูกพืชผัก ไม้ผล การเพาะเห็ด รวมทั้งเลี้ยงสัตว์ อาทิ เลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ ไก่เนื้อ เป็ด สุกร เลี้ยงปลา แล้วนำผลผลิตมาประกอบอาหารกลางวันให้นักเรียนรับประทาน รวมทั้งส่งขายผ่านระบบสหกรณ์โรงเรียน นอกจากนี้ยังฝึกให้นักเรียนขยายพันธุ์พืช และขยายพันธุ์สัตว์ สำหรับผลผลิตที่มีมากได้นำมาแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ทำให้นักเรียนมีความรู้และทักษะทางอาชีพ และสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ในอนาคต รวมทั้งยังขยายผลจากโรงเรียนไปยังผู้ปกครองและชุมชน ทำให้สามารถผลิตอาหารได้มากขึ้น เด็กมีอาหารรับประทานอย่างต่อเนื่อง และมีภาวะโภชนาการที่ดี อันนำมาสู่ความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการ ตลอดระยะเวลา 42 ปี โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ได้ทำให้เกิดการพัฒนาทั้งทางด้านอาหาร โภชนาการ สุขภาพอนามัย การศึกษา การงานอาชีพ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยโรงเรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ ขยายการพัฒนาสู่ครอบครัวและชุมชน ทำให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน

จากนั้นทอดพระเนตรนิทรรศการผลงานทางวิชาการแนวปฏิบัติที่ดีของหน่วยงานสถานศึกษาในโครงการตามพระราชดำริ 7 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รวมทั้งนิทรรศการนวัตกรรมการพัฒนาเด็กและเยาวชน ตามพระราชดำริของหน่วยงานสนับสนุน ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กรมอนามัย กรมควบคุมโรค และกรมสุขภาพจิต

สำหรับการจัดงานประชุมวิชาการฯ ครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-13 ธันวาคม 2565 มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่พระราชกรณียกิจด้านการศึกษาและการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริ แก่สาธารณชน รวมทั้งบุคลากรทางการศึกษาและผู้ปฏิบัติงานโครงการตามพระราชดำริได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดประสบการณ์ร่วมกัน โดยมีสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นเจ้าภาพหลัก ร่วมกับหน่วยงานสถานศึกษาในโครงการตามพระราชดำริทั้ง 7 หน่วยงาน และโครงการส่วนพระองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ดำเนินการจัดงาน