Slide

22 เมษายน 2568

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดการประชุมวิชาการ “การเสริมสร้างอนาคตที่มีสุขภาวะที่ดีขึ้น : 25 ปี ความร่วมมือไทย-ลาว ด้านการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ตามพระราชดำริ (Building Healthier Futures: 25 Years of Thai-Lao Collaboration in Medical and Public Health Capacity Building under the Patronage of Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn) ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2568 เวลา 09.00 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการ “การเสริมสร้างอนาคตที่มีสุขภาวะที่ดีขึ้น : 25 ปี ความร่วมมือไทย-ลาว ด้านการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี” (Building Healthier Futures: 25 Years of Thai-Lao Collaboration in Medical and Public Health Capacity Building under the Patronage of Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn) ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีท เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีศาสตราจารย์ ดร.บุนแฝง พูมมะไลสิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และคณะ พร้อมด้วยศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ ที่ปรึกษางานโครงการตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี นายจุลวัจน์ นรินทรางกูร ณ อยุธยา อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล และศาสตราจารย์พิเศษ นายแพทย์วิชัย เทียนถาวร อธิการบดีสถาบันพระบรมราชชนก เฝ้าฯ รับเสด็จ

ในการนี้มีพระราชดำรัสเปิดการประชุม ความว่า

“ ข้าพเจ้ายินดีที่ได้มาเปิดการประชุมวิชาการ “การเสริมสร้างอนาคตที่มีสุขภาวะที่ดีขึ้น : 25 ปี ความร่วมมือไทย-ลาว ด้านการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ตามพระราชดำริ” นับเป็นโอกาสพิเศษที่การประชุมนี้จัดขึ้นในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

เป็นที่ทราบกันดีว่า ระบบสุขภาพที่ดีจะยังผลให้ประชาชนทุกคนและทุกช่วงวัยมีสุขภาวะที่ดี อันเป็นพื้นฐานของการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ประชาชนมีสุขภาวะดี มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ ทุกท่านในที่นี้ล้วนเป็นส่วนสำคัญของระบบสุขภาพ จำเป็นต้องมีความรู้ที่เป็นปัจจุบัน สามารถนำเทคโนโลยีทางการแพทย์และการสาธารณสุขที่ทันสมัย มาปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม มุ่งมั่นพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ จึงจะช่วยเสริมสร้างให้เกิดระบบสุขภาพที่ดีขึ้นได้

ตามที่ท่านรัฐมนตรีรายงานว่า ข้าพเจ้าได้ดำริให้มีความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ตั้งแต่พุทธศักราช 2543 หรือคริสต์ศักราช 2000 จนถึงปัจจุบันมีผู้ผ่านการฝึกอบรมที่ประเทศไทยแล้ว 1,171 คน อย่างไรก็ดี การพัฒนามิได้สิ้นสุดที่การฝึกอบรม หากแต่ทุกท่านต้องนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปปฏิบัติ ปรึกษาหารือกับคณาจารย์ ตลอดจนศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมความรู้และทำงานวิชาการ หรืองานวิจัยอีกด้วย เป็นการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง อันจะนำไปสู่การพัฒนางานทางการแพทย์และสาธารณสุขอย่างยั่งยืน

การประชุมวิชาการครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และเป็นที่น่ายินดีที่หลายท่านมีผลงานทางวิชาการมานำเสนอ ทำให้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความรู้ และประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และผู้เข้าร่วมประชุมอื่นๆ

ข้าพเจ้าหวังว่าทุกท่านจะได้ร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน อีกทั้งพร้อมที่จะร่วมมือกันรับมือกับโรคที่จะอุบัติใหม่ หรือภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อสุขภาวะที่ดีของประชาชนทั้งสองประเทศ และในภูมิภาคนี้ต่อไป

ขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีสำหรับคำอวยพรวันเกิดที่เปี่ยมไปด้วยไมตรีจิต ข้าพเจ้าขอตั้งความปรารถนาให้ท่านรัฐมนตรี และผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาในงานวันนี้ มีความสุข ความเจริญรุ่งเรือง สุขภาพแข็งแรง จะประกอบกิจการงานใดๆ ขอให้สำเร็จลุล่วงสมดังที่มุ่งหวังสืบไป 

ได้เวลาอันควรแล้ว ข้าพเจ้าขอเปิดการประชุมวิชาการ “การเสริมสร้างอนาคตที่มีสุขภาวะที่ดีขึ้น : 25 ปี ความร่วมมือไทย-ลาว ด้านการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ตามพระราชดำริ” ณ บัดนี้ ขอให้การประชุมจงประสบผลสำเร็จทุกประการ ”

จากนั้นทรงร่วมการเสวนาพิเศษ เรื่อง “การพัฒนาคนเพื่อการพัฒนางานอย่างยั่งยืน” (A Capacity Building Approach to Sustainable Work Improvement) โดยมีศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์ ที่ปรึกษางานโครงการตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นผู้ดำเนินรายการ 

โอกาสนี้พระราชทานเครื่องวัดสัญญาณชีพให้แก่โรงพยาบาลเมืองในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 10 แห่ง โดยมีศาสตราจารย์ ดร.บุนแฝง พูมมะไลสิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นผู้แทนรับของพระราชทาน จากนั้นทอดพระเนตรวีดิทัศน์ผลงานวิชาการของศิษย์เก่า และนิทรรศการ 25 ปี ความร่วมมือไทย-ลาว ด้านการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ตามพระราชดำริ และนวัตกรรมทางการแพทย์และสาธารณสุขของคณาจารย์ มหาวิทยาลัยมหิดล

สำหรับการประชุมวิชาการ “การเสริมสร้างอนาคตที่มีสุขภาวะที่ดีขึ้น : 25 ปี ความร่วมมือไทย-ลาว ด้านการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี (Building Healthier Futures: 25 Years of Thai-Lao Collaboration in Medical and Public Health Capacity Building under the Patronage of Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn) จัดขึ้นเนื่องในโอกาสที่โครงการความร่วมมือไทย-ลาว ด้านการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ดำเนินงานมาครบ 25 ปี ในปี 2568 และเป็นปีมหามงคลที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 70 พรรษา โครงการส่วนพระองค์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มหาวิทยาลัยมหิดล กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ และกระทรวงสาธารณสุข สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จึงได้ร่วมกันจัดการประชุมวิชาการฯ ครั้งนี้ขึ้น ระหว่างวันที่ 22-23 เมษายน พ.ศ. 2568 ที่นครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อเป็นเวทีให้ผู้เข้าร่วมการประชุม ประกอบด้วยศิษย์เก่า จาก 17 แขวง และนครหลวงเวียงจันทน์ นักวิชาการจากกระทรวงสาธารณสุข และมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และคณาจารย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดจนเผยแพร่ผลงานวิชาการให้กว้างขวางยิ่งขึ้น รวมทั้งได้มีโอกาสฟื้นฟูความรู้และร่วมกันพัฒนางานสู่ความเป็นเลิศต่อไป โดยการประชุมประกอบด้วย การบรรยายพิเศษ การสัมมนาวิชาการ นิทรรศการและการนำเสนอผลงานวิชาการ