“… ที่เพิ่มเรื่องของการสหกรณ์เข้าไปนั้น สำหรับนักเรียนก็เป็นการฝึกหัดให้ใช้ระบบทำงานด้วยการร่วมกัน เพื่อที่จะได้ไม่เสียเปรียบผู้อื่น ได้ฝึกความละเอียด ความถี่ถ้วน ในเรื่องของการเขียนบันทึกการทำบัญชี แล้วต่อไปเมื่อนักเรียนเติบโตขึ้นก็จะคุ้นเคยกับระบบนี้ แล้วก็เป็นสมาชิกสหกรณ์ของหมู่บ้าน ของอำเภอ ของจังหวัดต่อไป โดยที่มีความรู้ ความเข้าใจอย่างดี ในการที่ว่าถ้าเราจะซื้ออะไรมาใช้นั้น  ถ้ารวมกันซื้อ ก็จะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายหรือในการจะขายสิ่งผลิตอะไรขึ้นมา ถ้ารวมกันนั้นก็จะทำได้ดียิ่งขึ้น และเป็นการฝึกการทำงานร่วมกันในรูปของกรรมการ ซึ่งต่อไปก็จะมีกรรมการอะไรได้อีกหลายๆ อย่าง …”

พระราชดำรัส
วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2536
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา กรุงเทพมหานคร

ความเป็นมา

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ทรงเล็งเห็นว่าการปลูกฝังสหกรณ์แก่เด็กและเยาวชน โดยเริ่มจากโรงเรียนเป็นอันดับแรก จะก่อให้เกิดความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจในกลุ่มของเด็กนักเรียน ตลอดจนครูและประชาชนในท้องถิ่นอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เกิดการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม การรวมกลุ่มกันในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น จึงมีพระราชกระแสกับอธิบดีกรมตำรวจ ณ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านภูต่าง อำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2534 ให้ดำเนินการสหกรณ์ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และมีพระราชกระแสกับอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2534 ให้ส่งเสริมวิธีสหกรณ์ให้แพร่หลายไปยังเด็กนักเรียน จึงได้เริ่มดำเนินโครงการส่งเสริมสหกรณ์ตั้งแต่ พ.ศ. 2534 เป็นต้นมา

วัตถุประสงค์  เพื่อส่งเสริมความรู้ และทักษะด้านสหกรณ์ และสร้างลักษณะนิสัยที่สอดคล้องกับอุดมการณ์สหกรณ์ให้แก่เด็กนักเรียน

กิจกรรมสำคัญ

1) จัดการเรียนการสอนวิชาสหกรณ์
2) จัดให้มีกิจกรรมสหกรณ์ภาคปฏิบัติ เช่น กิจกรรมร้านค้า กิจกรรมออมทรัพย์ เป็นการฝึกทักษะของนักเรียนในการดำเนินกิจกรรมสหกรณ์ตามความพร้อมของแต่ละโรงเรียน
3) จัดให้มีการศึกษาดูงาน แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับสหกรณ์ตัวอย่าง

การดำเนินงาน

การสหกรณ์ที่ส่งเสริมในโรงเรียน อาจเรียกชื่อว่า สหกรณ์นักเรียน เพื่อให้ชัดเจนว่า เป็นของนักเรียน จัดตั้งขึ้นและดำเนินการโดยนักเรียน และมีนักเรียนเป็นสมาชิก โดยส่งเสริมให้นักเรียนลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง เป็นประธานเอง เป็นคณะกรรมการเอง และเป็นสมาชิกเอง เพื่อพัฒนาให้มีทักษะ มีความเคยชินกับระบบการทำงานร่วมกัน และปลูกฝังคุณธรรมในการดำรงชีวิตร่วมกันในสังคม พร้อมทั้งยังจะเชื่อมโยงกับโครงการอื่น ๆ อีกหลายโครงการ เช่น การเกษตร หัตถกรรมและส่งเสริมอาชีพอื่น ๆ สหกรณ์นักเรียน เปรียบเสมือนห้องปฏิบัติการให้นักเรียนได้เรียนรู้หลักการ วิธีการ และทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง ในการดำเนินงานสหกรณ์นักเรียนสามารถแบ่งเป็นขั้นตอนดังนี้

 ขั้นตอนในการดำเนินงานสหกรณ์นักเรียน 


 ขั้นตอนที่ 1 การรับสมัครสมาชิก


เป็นขั้นตอนแรกสุดของการดำเนินการส่งเสริมสหกรณ์ในโรงเรียน ครูผู้รับผิดชอบช่วยนักเรียนดำเนินการรับสมาชิก เป็นการรับด้วยความสมัครใจและเปิดให้นักเรียนทุกคนสมัคร การสมัครเป็นสมาชิกจะเก็บค่าหุ้น ราคาหุ้นแตกต่างกันไป เช่น หุ้นละ 1 บาท 3 บาท หรือ 10 บาทขึ้นกับฐานะของนักเรียนในแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน การเก็บค่าหุ้นสร้างความรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของมีส่วนร่วมในกิจกรรมด้วย มีบัตรประจำตัวสมาชิก จดว่าถือหุ้นเท่าไหร่ และลงลายมือชื่อ

 ขั้นตอนที่ 2 การประชุมใหญ่สามัญ


2.1 การประชุมใหญ่สามัญ

ครูผู้รับผิดชอบช่วยจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญ เพื่อให้สมาชิกลงคะแนนเสียงเลือกเพื่อนสมาชิกเข้ามาตามหลักการสหกรณ์ เป็นคณะกรรมการสหกรณ์นักเรียน ดำเนินกิจการสหกรณ์ โดยสมาชิกสหกรณ์แต่ละคน ไม่ว่าจะมีหุ้น 1 หุ้น หรือ 100 หุ้น ก็มี 1 คะแนนเสียงเหมือนกัน ขั้นตอนนี้นักเรียนจะได้ฝึกฝนในเรื่องสิทธิของตนตามหลักประชาธิปไตย นักเรียนทุกคนจะเรียนรู้เรื่องประชาธิปไตย

กรรมการที่ได้รับเลือกมา จะมีประธาน รองประธาน มีเหรัญญิก คณะกรรมการนักเรียนจะมีประมาณ 8-10 คน มีวาระในการทำงาน 1 ปีการศึกษา และเพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เข้ามาเรียนรู้มากขึ้น บางแห่งกรรมการมีวาระในการทำงาน 1 ภาคการศึกษา จะได้เลือกใหม่มีคนอื่นเข้ามา

2.2 การประชุมกรรมการสหกรณ์นักเรียน

เมื่อได้คณะกรรมการสหกรณ์นักเรียนแล้ว ก็ต้องมีการประชุมคณะกรรมการสหกรณ์นักเรียนกันอย่างน้อยเดือนละครั้ง เรื่องที่ประชุมกัน เช่น การแบ่งหน้าที่ การซื้อ-ขาย การตลาด การวางแผนการปฏิบัติงาน ติดตามผลการปฏิบัติงาน แก้ไขอุปสรรคต่าง ๆ เช่น จะซื้ออะไรเข้าสหกรณ์

ในกระบวนการประชุมนี้ เป็นการฝึกการทำงานร่วมกันในรูปของกรรมการ ซึ่งต่อไปก็จะมีกรรมการได้อีกหลายอย่าง ฝึกออกความคิดเห็นแบบประชาธิปไตย ใช้เหตุผลโต้เถียงกันและให้ยอมรับเสียงส่วนใหญ่ เสียงข้างมาก ฝึกการจดบันทึกการประชุม ซึ่งเป็นการฝึกหัดการเขียนหนังสือ หัดคัดลายมือ และการจดสรุปใจความ

 ขั้นตอนที่ 3 การดำเนินกิจกรรมของสหกรณ์


กิจกรรมสหกรณ์หลัก ๆ ที่ดำเนินการในโรงเรียน ได้แก่

3.1 กิจกรรมร้านค้า

ปฏิบัติงานในร้านสหกรณ์ การซื้อ-ขาย ได้แก่ การซื้อสิ่งของเครื่องอุปโภค-บริโภคที่สมาชิกต้องการ รับซื้อผลผลิตจากฟาร์มของโรงเรียน รวมทั้งผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ทำกันเอง อาหารแปรรูป หัตถกรรมต่าง ๆ การเก็บรักษาตรวจสอบจำนวน การจัดวางสินค้าเพื่อจำหน่าย การจำหน่าย ในขั้นตอนนี้เป็นการฝึกหัดทำธุรกิจ ฝึกการเลือกซื้อของว่าสิ่งใดควรซื้อ รู้จักตั้งราคา การคิดผลกำไรหรือขาดทุน

3.2 กิจกรรมออมทรัพย์

เป็นเรื่องสำคัญมาก เป็นการช่วยวางแผนชีวิต ไม่ให้ใช้จ่ายเกินกว่าที่ตนเองมี เพื่อให้มีพอใช้เมื่อจำเป็น เช่น เวลาเจ็บไข้ เป็นต้น แม้นักเรียนส่วนใหญ่จะมีฐานะยากจน แต่ก็สามารถออมเงินนำมาฝากเป็นประจำได้ ครั้งละ 1 บาทบ้าง 5 บาทบ้าง คณะกรรมการสหกรณ์นักเรียนมีครูเป็นที่ปรึกษาจะนำเงินเข้าฝากธนาคารได้ดอกเบี้ย  เมื่อจบการศึกษาจากโรงเรียน นักเรียนก็ปิดบัญชี ทำให้นักเรียนมีเงินก้อนจำนวนหนึ่ง แม้จะไม่มากนักแต่ก็นำไปทำประโยชน์ได้บ้าง เช่นเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษาต่อได้

3.3  กิจกรรมส่งเสริมการผลิต

ได้แก่ การผลิตทางการเกษตร โดยนักเรียนรวมกลุ่มกันตามกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ปลูกผัก เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา เพาะเห็ด แปรรูปอาหาร แต่ละกลุ่มก็ขายผลผลิตเข้าสหกรณ์เพื่อเข้าครัว จดบันทึกทำบัญชีทุกกิจกรรม รู้ว่าลงทุนไปเท่าไร ตั้งราคาเหมาะสม ขายมีรายได้เท่าไร คำนวณแล้วได้กำไรหรือขาดทุน เงินกำไรก็จัดสรรไว้เป็นทุนดำเนินการต่อไป ส่วนมากได้กำไร แต่ขาดทุนก็มีเหมือนกัน และก็มีเหตุผลต่าง ๆ ที่เขาขาดทุนกัน เรื่องบัญชี ตอนนี้มีรูปแบบบัญชีที่กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ช่วยกันคิด เดิมเกี่ยวข้องกับนักเรียนและครู ต่อมาเราต้องพยายามทำบัญชีให้ผู้ปกครองหรือชาวบ้านดูเข้าใจ กรรมการของหมู่บ้าน เช่น องค์กรส่วนท้องถิ่นซึ่งเขาจะมีบทบาทมาก ต่อไปรัฐบาลจ่ายเป็นรายหัว เขาจ่ายผ่านองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เขาจะได้เห็นว่ามีความสัมพันธ์อย่างไร เขาจะได้ให้งบประมาณหรือใช้จ่ายช่วยเหลือด้านนี้ให้มากยิ่งขึ้น

 ขั้นตอนที่ 4 การทำบัญชี


บัญชีที่มี เช่น บัญชีประจำวัน บัญชีรับ-จ่าย บัญชีสินค้า บัญชีสมาชิก ฯลฯ  สรุปบัญชี ผลกำไร/ขาดทุน และนำข้อมูลมาวางแผนต่อไป นักเรียนได้ฝึกทำบัญชีลงในสมุดบัญชี บางแห่งเริ่มมีการใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย เพราะว่าเดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็ใช้คอมพิวเตอร์กันทั้งนั้นแทนที่จะใช้กดเฉย ๆ ก็มาสัมพันธ์กับการทำบัญชีระบบสหกรณ์ พยายามให้ใช้คำนวณด้วยสมอง แล้วตรวจสอบ และใช้สมุดบัญชีอย่างเดิม 2 อย่าง นักเรียนเสนอว่าตามหลักบัญชี สำหรับของผู้ใหญ่เขาไม่ให้ใช้ดินสอเขียน เขาให้ใช้ปากกาเขียน เขียนเสร็จ ถ้าผิดก็ให้ขีดและเซ็นชื่อ ไม่ใช่เอาสีขาว ๆ มาป้าย ๆ เรื่องนี้ก็เป็นอุบายเหมือนกัน สิ่งที่ตามมาคือ นักเรียนได้ฝึกความละเอียด ความถี่ถ้วน ความรอบคอบ และความเป็นระเบียบ นอกจากนี้การหัดทำบัญชียังช่วยให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์ ฝึกหัดทำเลข และเป็นตัวเลขที่มีความหมาย นอกจากแบบนี้แล้วยังมีแบบบันทึกว่า รายได้มาจากไหน จากสินค้า จากกิจกรรมเกษตร รายได้อื่น ๆ สินค้าทั่ว ๆ ไป จ่ายแล้วได้กำไร ขาดทุนแค่ไหน ก็จะมีบันทึก สรุปผลการดำเนินงานตามวาระของคณะกรรมการสหกรณ์นักเรียน

 ขั้นตอนที่ 5 สรุปผลการดำเนินงานตามวงรอบ


เมื่อจบปีการศึกษา คณะกรรมการสหกรณ์นักเรียนจะฝึกการปิดบัญชีโดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมตรวจบัญชีสหกรณ์มาช่วยปิดบัญชี พร้อมทั้งสรุปผลการดำเนินงานตามวงรอบ จัดสรรผลกำไรโดยแบ่งเป็น เงินปันผลสมาชิก เงินสะสมเป็นเงินทุนของสหกรณ์ และเงินบริจาคสำหรับทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์

ขั้นตอนนี้เป็นการฝึกให้นักเรียนทำงานอย่างโปร่งใส ซื่อสัตย์  พร้อม ๆ กับการสร้างจิตสำนึกและฝึกฝนในเรื่องการช่วยเหลือคนอื่นหรือที่เรียกว่าจิตสาธารณะหรือจิตอาสา คำนึงถึงส่วนรวม มีความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนการสร้างศรัทธาในเรื่องสหกรณ์ให้แก่สมาชิกด้วย